หน้าหลัก Uncategorized, ละคร

เปาบุ้นจิ้น

เปาบุ้นจิ้น

เปาบุ้นจิ้น

เปาบุ้นจิ้น ในภาษาจีนมาตรฐาน หรือ เปาจิ้น ในภาษาจีนฮกเกี้ยน (จีน: 包拯; พินอิน: Bāo Zhěng; 11 เดือนเมษายน คริสตร์ศักราช 999 — วันที่ 20 เดือนพฤษภาคม คริสตร์ศักราช 1062) วรรณกรรมเรียก เปา เหวินเจิ่ง ในภาษาจีนมาตรฐาน หรือ เปาบุ้นจิ้น ในภาษาจีนฮกเกี้ยน (包文拯) เป็นข้าราชการชาวจีนในรัชสมัยจักรพรรดิเหรินจงแห่งราชวงศ์ซ่งของจักรวรรดิจีน ตลอดเวลา 25 ปีที่รับราชการนั้น เปา เจิ่ง แสดงออกซึ่งความซื่อสัตย์สุจริตและเป็นกลางอย่างเสมอหน้า ในระหว่าง คริสตร์ศักราช 1057 ถึง คริสตร์ศักราช 1058 เขาได้เป็นผู้ว่าการนครไคเฟิง เมืองหลวงของราชวงศ์ซ่ง และได้ริเริ่มการเปลี่ยนแปลงหลายประการในระบบราชการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ปวงชนผู้เดือดร้อน ทำให้เขาได้รับยกย่องจนกลายเป็นตำนาน ในช่วงชีวิตราชการของเขา เขายังได้รับฉายาว่า เปาชิงเทียน (包青天; “เปาผู้ทำให้ฟ้ากระจ่าง”) เพราะได้ช่วยเหลือคนธรรมดาสามัญให้รอดพ้นจากการฉ้อราษฎร์บังหลวง

ปัจจุบัน เปา เจิ่ง ได้รับการสดุดีในจีนแผ่นดินใหญ่ให้เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของความยุติธรรม เรื่องราวชีวิตของเขาได้รับการดัดแปลงเป็นวรรณกรรมแนวสืบสวนสอบสวนและกำลังภายในมาแต่โบราณ ซึ่งได้รับความนิยมมาตราบทุกวันนี้ ในตำนานกระแสหลัก เปา เจิ่ง มักได้รับการพรรณนาว่า เป็นตุลาการ ใบหน้าดำคล้ำ มีรูปจันทร์เสี้ยวอยู่บนหน้าผาก ในบางมณฑลของจีน เปา เจิ่ง ยังได้รับการเชิดชูบูชาเป็นเทวดา

ที่มาของเปาบุ้นจิ้น

ต้นชีวิต
เปา เจิ่ง เกิดในครอบครัวบัณฑิตแห่งหลูโจว (廬州) ครอบครัวของเขาเป็นชนชั้นกลาง แม้บิดามารดาสามารถส่งเสียให้เขาเล่าเรียนได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ก่อนเขาจะเกิด มารดาของเขาต้องสะสมทุนรอนด้วยการขึ้นเขาไปเก็บฟืนมาขายอยู่พักใหญ่ เนื่องจากเปา เจิ่ง เติบโตขึ้นในท่ามกลางสังคมชั้นล่างซึ่งเป็นพลเมืองหลักของประเทศ เขาจึงรับรู้และเข้าใจปัญหาของคนชั้นล่างเป็นอย่างดี

ครั้น คริสตร์ศักราช 1028 อายุได้ 29 ปี เปา เจิ่ง สอบขุนนางชั้นสูงสุดผ่าน ได้เป็นราชบัณฑิตชั้นจิ้นชื่อ (進士) และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการเทศมณฑลจิ้นชาง (建昌县) แต่เขาขอผัดออกไปก่อน เพื่อกลับบ้านเกิดไปดูแลบิดามารดาผู้ชรา

เวลานั้น หลิว ยฺวิน (刘赟) ผู้ว่าการหลูโจวซึ่งมีชื่อเสียงว่า เป็นกวีเอกและขุนนางใจซื่อมือสะอาด แวะเวียนมาหาเขาเป็นประจำ ทั้งสองถูกคอกัน และเปา เจิ่ง ได้รับอิทธิพลเรื่องการมีใจกรุณาต่อราษฎรมาจากหลิว ยฺวิน

ชีวิตราชการ

เปาบุ้นจิ้น

ภาพวาดเปา เจิ่ง ตัดสินคดีแม่ตัวจริงตัวปลอม จากหนังสือพิมพ์เมื่อ คริสตร์ศักราช 1832
ผู้ว่าการเทียนฉาง
เมื่อบิดามารดาเสียชีวิตใน คริสตร์ศักราช 1038 และปลงศพตามประเพณีแล้ว เปา เจิ่ง กลับมารับใช้แผ่นดิน เริ่มแรกเขาได้เป็นผู้ว่าการนครเทียนฉาง (天长市) ซึ่งไม่ไกลจากหลูโจวบ้านเกิด มีบันทึกว่า ครั้งนั้น ชาวนาผู้หนึ่งมาร้องทุกข์ว่า วัวของตนถูกลอบตัดลิ้น เปา เจิ่ง จึงสั่งให้เขากลับบ้านไปฆ่าวัวนั้นทิ้งเสีย แต่อย่าแพร่งพรายให้ผู้ใดทราบ ตามกฎหมายสมัยนั้น การฆ่าปศุสัตว์เป็นสิ่งต้องห้าม เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากทางราชการ ชาวนาผู้นั้นเมื่อได้รับอนุญาตก็กลับไปฆ่าวัวตามคำสั่ง วันต่อมา ชายอีกผู้หนึ่งมาฟ้องว่า ชาวนาข้างบ้านลอบฆ่าวัว เปา เจิ่ง ตบโต๊ะตวาดว่า ลักลอบตัดลิ้นวัวเขาแล้วยังมาฟ้องกล่าวหาเขาอีก ชายผู้นั้นตกใจที่เปา เจิ่ง ล่วงรู้ความจริง ก็รับสารภาพว่า ตนผิดใจกับชาวนามาแต่เดิมแล้ว จึงกลั่นแกล้งตัดลิ้นวัวเขา เขาจะได้จำใจฆ่าวัวนั้นทิ้ง และจะได้มีความผิดฐานฆ่าปศุสัตว์

ผู้ว่าการตฺวันโจว

ใน คริสตร์ศักราช 1040 เปา เจิ่ง ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ว่าการตฺวันโจว (端州) ซึ่งเป็นแหล่งขึ้นชื่อด้านผลิตจานฝนหมึก เปา เจิ่ง ตรวจสอบพบว่า ผู้ว่าการคนก่อน ๆ มักขูดรีดจานฝนหมึกจำนวนมากจากราษฎร เมื่อทำราชการอยู่ที่นี่ เปา เจิ่ง จึงใช้จานฝนหมึกเพียงอันเดียว โดยกล่าวว่า ความจำเป็นมีเท่านั้น ครั้น คริสตร์ศักราช 1043 เขาต้องย้ายไปท้องที่อื่น ประชาชนรักใคร่ก็นำจานฝนหมึกมามอบให้เป็นของขวัญมากมาย เปา เจิ่ง ไม่รับไว้เลย และโยนจานฝนหมึกที่ใช้ประจำอยู่นั้นทิ้งลงสู่แม่น้ำกวางตุ้ง ไม่ยอมพกไปด้วยแม้แต่อันเดียว

ผู้ตรวจกำกับ

ใน คริสตร์ศักราช 1044 เปา เจิ่ง ได้รับการเรียกเข้านครหลวงไคเฟิง (開封) เพื่อดำรงตำแหน่งผู้ตรวจกำกับ (監察御史) ภายในสองปีนับจากนี้ เขาได้ถวายฎีกาอย่างน้อย 13 ฉบับว่าด้วยการทหาร ภาษีอากร การสอบขุนนาง และการฉ้อราษฎร์บังหลวงในวงราชการ ใน คริสตร์ศักราช 1045 เขายังได้รับแต่งตั้งเป็นราชทูตอัญเชิญพระราชสาสน์ไปยังราชวงศ์เหลียว (遼朝) มีบันทึกว่า ขณะเข้าเฝ้ากษัตริย์เหลียว ขุนนางเหลียวทูลฟ้องว่า จีนละเมิดสัญญาสันติภาพด้วยการแอบสร้างประตูบานหนึ่งไว้ที่กำแพงชายแดนเพื่อให้ชาวเหลียวแปรพักตร์เข้ามาแจ้งข่าวกรอง เปา เจิ่ง จึงถามว่า เหตุใดประตูจึงจำเป็นต่อการหาข่าวกรอง แต่ขุนนางเหลียวตอบไม่ได้

ระหว่างที่เปา เจิ่ง ทำราชการอยู่ในราชสำนักไคเฟิงนั้น จักรพรรดิเหรินจง (仁宗) ประสงค์จะตั้งพระชายาจากสกุลจาง (张) ขึ้นเป็นมเหสี แต่พระพันปีหลิว (刘太后) พระราชมารดา คัดค้าน กระนั้น จักรพรรดิก็ทรงอวยยศให้แก่จาง เหยาจั่ว (張堯佐) ลุงของพระชายาจาง อย่างรวดเร็ว ไม่กี่ปีก็ได้เลื่อนจากขุนนางชั้นล่างขึ้นเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ในวันที่ 12 เดือนกรกฎาคม คริสตร์ศักราช 1050 เปา เจิ่ง และผู้ตรวจกำกับอีกสองคน จึงร่วมกันถวายฎีกากล่าวโทษจาง เหยาจั่ว แต่จักรพรรดิทรงเมินเฉย และสี่วันให้หลังยังประทานยศให้แก่น้องสาวของพระชายาจาง เปา เจิ่ง ไม่ลดละความพยายาม เขาถวายฎีกาอีกฉบับหนึ่งแต่ผู้เดียว พรรณนาถึงความไม่เหมาะสมของจาง เหยาจั่ว ในการดำรงตำแหน่งต่าง ๆ แต่จักรพรรดิกลับให้จาง เหยาจั่ว ควบอีกสี่ตำแหน่ง เปา เจิ่ง จึงถวายฎีกาอีกฉบับ ลงวันที่ 26 เดือนธันวาคม คริสตร์ศักราช 1050 ว่า ถ้าทรงขืนจะตั้งจาง เหยาจั่ว ให้ได้ ไม่รับฟังคำปรึกษาที่ถวายแล้ว ก็ขอให้ถอดที่ปรึกษาผู้นี้ออกจากตำแหน่งเสียเถิด ในการประชุมคราวถัดมาในท้องพระโรง เปา เจิ่ง และเสนาบดีอีกเจ็ดคน ยังเปิดประเด็นร้อนเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมของจาง เหยาจั่ว ทำให้จักรพรรดิทรงยอมถอดจาง เหยาจั่ว ออกจากตำแหน่งในที่สุด

ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจกำกับ เปา เจิ่ง ได้ลงโทษลดขั้นและไล่ออกแก่ขุนนางผู้ใหญ่ 30 คน ฐานทุจริต รับสินบน และละเลยหน้าที่ เปา เจิ่ง ยังประสบความสำเร็จในการทูลคัดค้านเสมอ ๆ ผิดกับบุคคลอื่น ๆ ในประวัติศาสตร์ที่ถูกลงโทษสถานหนักเพราะทูลคัดค้านแม้ในเรื่องเล็กน้อย

ผู้ว่าการไคเฟิง

อาคารจำลองที่ทำงานของเปา เจิ่ง ในกวั่งตง มีป้ายเขียนอักษรสี่ตัวว่า “กงเจิ้งเหลียนหมิง” (公正廉明; “สุจริตเที่ยงธรรม”)
ใน คริสตร์ศักราช 1057 เปา เจิ่ง ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการนครหลวงไคเฟิง ซึ่งเวลานั้นเรียกว่า เปี้ยนเหลียง (汴梁)[3]

เปา เจิ่ง เป็นผู้ว่าการไคเฟิงจนถึง คริสตร์ศักราช 1058 ในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งปีแห่งการดำรงตำแหน่งดังกล่าว เปา เจิ่ง ได้ปฏิรูปการปกครองหลายประการเพื่อให้ราษฎรสามารถเข้าถึงผู้ว่าการได้โดยตรง ทำให้เขาได้รับการยกย่องเชิดชูเป็นอันมาก

แต่ชีวิตการทำงานของเขาหลังพ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการไคเฟิงแล้วกลับเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างยิ่ง เป็นต้นว่า เมื่อเขาปลดจาง ฟางผิง (張方平) ซึ่งควบสามตำแหน่งสำคัญ เขากลับได้รับแต่งตั้งเข้าสู่ตำแหน่งเหล่านั้นแทน โอวหยาง ซิว (欧阳修) จึงถวายฎีกาประณามเขาอย่างรุนแรง

ตำแหน่งอื่น ๆ


หลังจากนั้น เปา เจิ่ง ได้ดำรงตำแหน่งอีกหลายตำแหน่ง โดยมากเกี่ยวข้องกับการคลัง เขายังได้เป็นเสนาบดีคลังอยู่ช่วงหนึ่งถึงแม้จะมีตำแหน่งสูงในวงราชการ เปา เจิ่ง กลับใช้ชีวิตเรียบง่ายจนเป็นที่เลื่องลือ เขายังมีชื่อเสียงในการตรวจสอบการทุจริต กับทั้งอุปนิสัยที่เข้มงวดกวดขัน และไม่อดทนหรือรอมชอมต่อความอยุติธรรมและการฉ้อฉล บุคลิกภาพของเปา เจิ่ง ก็เป็นที่ขึ้นชื่อเช่นกัน มีบันทึกว่า เปา เจิ่ง วางตัวเคร่งครัดเคร่งขรึม ถึงขนาดพูดกันทั่วไปว่า รอยยิ้มของเขาหาดูยากยิ่งกว่าฮวงโหกลายเป็นสีใสสะอาด สล็อต

กิตติศัพท์เกี่ยวกับความเที่ยงตรงของเปา เจิ่ง นั้นเลื่องลือไปทั่วแผ่นดิน ชื่อเขาจึงกลายเป็นไวพจน์ของคำว่า “ตงฉิน” (忠臣) ขณะที่ตัวเขาเองก็กลายเป็นหัวเรื่องยอดนิยมในวรรณกรรมและอุปรากรอย่างรวดเร็ว พลเมืองมักเล่าขานว่า เปา เจิ่ง นั้นกลางวันรับราชการอยู่บนโลกมนุษย์ กลางคืนไปรับราชการเป็นยมราชอยู่ในนรกภูมิ พูดกันติดปากว่า เช้าชำระคดีคน ค่ำชำระคดีผี slot

อสัญกรรม

สุสานของเปา เจิ่ง ที่หลูหยาง, เหอเฝย์, อานฮุย
เปา เจิ่ง ถึงแก่อสัญกรรมที่ไคเฟิงเมื่อ คริสตร์ศักราช 1062 จักรพรรดิเหรินจงทรงรับศพเขาไว้ในพระราชานุเคราะห์ และประทานสมัญญาแก่เขาว่า “เซี่ยวซู่” (孝肅) แปลว่า กตัญญูปูชนีย์ Slotxo

ก่อนเสียชีวิต เปา เจิ่ง สั่งเสียไว้ว่า “ลูกหลานเราคนใดเป็นข้าราชการแล้วกินสินบาตรคาดสินบน ห้ามกลับคืนมายังบ้านเราและห้ามเผาผีร่วมสกุลกันอีก ใครไม่นับถือคุณงามความดีอย่างเรา เราไม่นับเป็นลูกเป็นหลาน”

อ่านเรื่องอื่นต่อไป : soccersuck

Last Update : 28 พฤษภาคม 2021 (ข้อมูลล่าสุดปี 2020)