หน้าหลัก การ์ตูนและอนิเมะ

วิเคราะห์อนิเมะ Fullmetal Alchemist

วิเคราะห์อนิเมะ Fullmetal Alchemist 

วิเคราะห์อนิเมะ Fullmetal Alchemist

วิเคราะห์อนิเมะ Fullmetal Alchemist 

สองพี่น้อง edward elric และ alphonse elric อาศัยอยู่กับแม่มาตั้งแต่เล็ก เอ็ดเวิร์ดอายุ 11 ขวบ อัลฟองเซอายุ 10 ขวบ ทั้งสองไม่ทราบว่าพ่อหายไปไหน ทราบแต่เพียงว่าพ่อเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีชื่อเสียง

ทั้งสองเห็นแม่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเสมือนกำลังรอใครบางคนอยู่เสมอๆ นอกจากนี้ ทุกครั้งที่เด็กน้อยทั้งสองสามารถ “สร้าง” ของเล่นบางอย่างขึ้นมาจากวิชาเล่นแร่แปรธาตุ คุณแม่จะมีสีหน้าภาคภูมิใจและกล่าวชื่นชมให้กำลังใจ

แล้ว วันหนึ่งคุณแม่ก็ตาย…

โดยทางเอ็ดนั้นได้มีการชักชวนน้องที่จะพาแม่กลับมา แต่วิชาเล่นแร่แปรธาตุบอกแล้วว่าไม่มีทางที่เราจะ “เอา” โดยไม่หาของที่มีค่าเท่ากันไปแลก ยิ่งไปกว่านั้นการ “สร้าง” มนุษย์ ก็เป็นเรื่องต้องห้าม การ์ตูนเรื่องนี้กำหนดลงไปตรงๆ ว่านั่นคือภารกิจของพระเจ้าเท่านั้น  เมื่ออัลฟองเซทักท้วงพี่ชาย เอ็ดเวิร์ดก็อ้างว่าเขาห้ามเพราะเขายังทำกันไม่สำเร็จต่างหาก ทำนองว่ากีดกัน

แล้วทั้งสองก็เริ่มทำงานของพระเจ้า

 (ตรงนี้เหมือนสถานการณ์การโคลนนิ่งมนุษย์ในปัจจุบัน เมื่อฝ่ายต่อต้านการโคลนนิ่งมนุษย์อ้างว่านักวิทยาศาสตร์กำลังทำงานของพระ เจ้า นักวิทยาศาสตร์บางหน่วยงานจะบอกว่าเขาห้ามเพราะกลัวเราทำสำเร็จก่อน …) เมื่ออัลฟองเซถามว่าจะเอาอะไรไปแลก “วิญญาณ” แม่ เอ็ดเวิร์ดก็เอามีดกรีดนิ้วของตนเองและของน้องหยดลงบนกอง “สารเคมี” ที่ชั่งตวงวัดมาแล้วว่าคือส่วน ประกอบของมนุษย์ผู้ใหญ่ 1 คน!

แต่ในที่สุดแล้วผลของการที่จะเอาแม่กลับมา ก็ล้มเหลวลงไม่เป็นท่า แถมทั้งสองก็สูญเสียร่างกายอีก เมื่ออัลถามเอ็ดว่ายังคิดจะเอาแม่คืนมาอีกมั้ย เอ็ดจึงกล่าวประโยคข้างต้น

“ชั้นคิดว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่สามารถแลกเอาแม่กลับมาได้” เอ็ดเวิร์ดพูด

บอกเลยว่าเสน่ห์ของเรื่องนี้นั้น คือการเอาตำนานโบราณ และทฏษฎีร่วมสมัยมาผสมกับการ์ตูนแอ็คชั่น ทำให้การ์ตูนนี้ไม่ใช้แอ็คชั่นไร้สมองเหมือนการ์ตูนเรื่องอื่นๆ ซึ่งแต่ละเรื่องล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตและคติประจำใจในด้าน ต่างๆ ไม่มากก็น้อย เมื่อดูแล้วเราจะเห็นว่าการเล่นแร่แปร ธาตุมีประโยชน์ และในขณะเดียวกันมันก็นำมาซึ่งหายนะเช่นกัน เช่นการสร้างทองคำ, คิไมล่า, อาวุธทางการทหาร ฯลฯ

มนุษย์เราถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความ โลภมากกว่าที่สุดในโลก และความโลภสูงสุดหนึ่งของมนุษย์ที่ต่างปรารถนาคือ “อมตะ”  ซึ่งมนุษย์ทำทุกวิถีทางในการค้นหาอมตะ หินนักปราชญ์, คิไมร่า ถือเป็นสุดยอดของวิชาเล่นแร่แปรธาตุ แต่จุดประสงค์ของมันนั้นเพียงแค่สนองความต้องการที่ไม่สิ้นสุดของคนเราเท่า นั้น

สิ่งที่ชอบในเรื่องนี้อย่างหนึ่งคือความสัมพันธ์ของพ่อของเอ็ดและตัว ของเอ็ด เอ็ดเกลียดพ่อมาก แต่ในขณะเดียวก็รักแม่ ซึ่งคล้ายๆ กับลักษณะอาการของปมอิดิปุส  เคยอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเอ็ดพบพ่ออีกครั้งอาจเกิดโศกนาฏกรรมแบบอิดิปุสบ้าง

ปมออดิปุส ( Oedipus complex / Oedipus conflict ) เป็นหนึ่งในกระบวนการพัฒนาของเด็ก ที่จะเกิดขึ้นปกติ พร้อมๆกับพัฒนาการทางจิตใจและเพศ เน้นหนักไปที่ฝ่ายชายเมื่ออายุประมาณ 5-6 ปี โดย ที่จะเกิดอาการ รักแม่ ในเชิงอิโรติก

และมองเห็นเหมือนเป็นที่ระบายความรู้สึกทางเพศ ทำให้เกิดอาการ อิจฉาพ่อ เกลียดพ่อ อิจฉาพ่อ มีความต้องการครอบครองแม่ไว้เป็นของตัวเองคนเดียว และต้องการที่จะแทนที่ในตำแหน่งของพ่อ …

จากการที่เราดูตามเนื้อเรื่องแล้วจะพบว่า เอ็ดเกลียดพ่ออย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันเอ็ดก็เลียนแบบพ่ออย่างไม่รู้ตัว เนื่องจากปมนี้ลูกอยากจะให้แม่คิดว่าตนเหมือนพ่อ เอ็ดจึงพยายามเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆของพ่อ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การกระทำ หรือรูปแบบการใช้ชีวิตต่างๆ เพื่อคาดหวังที่จะเป็นตัวแทนของพ่อ และอยู่กับแม่ได้ตลอดไป

ปมอิดิปุสนั้นมีที่มาจากโศกนาฏกรรมเทพนิยายกรีกเรื่อง อิดิปุส (Oedipus) ซึ่งกล่าวถึงตัวเอกอิดิปุส เป็นลูกชายของพระราชาไลอัส และพระราชินีโจคาสตา แห่งเมืองธีบิสของอียิปต์ ซึ่งผู้เป็นพ่อได้รับรู้คำทำนายว่าบุตรของตนจะสังหารตนเอง ครองตำแหน่งแทนตนและแต่งงานกับแม่ของตนเอง (มุกแบบนี้มีอยู่ในการ์ตูนเกือบทุกเรื่อง) 

พ่อของอิดิปุสกลัวคำทำนายนี้มาก เขาเลยจัดการให้คนนำลูกคนตนเองฆ่า โดยการโยนจากหน้าผา  โชคดีของเด็กนั้นไม่ตาย และมีคนเก็บได้ จนเด็กได้เป็นบุตรบุญธรรมของราชาและราชินีแห่งเมืองโคลินท์

อีดิปุสก็ทราบคำทำนายของตนเอง ว่าตนต้องฆ่าพ่อ และเอาแม่มาเป็นภรรยา ซึ่งเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจมาก และไม่ให้คำทำนายนั้นเป็นจริง เขาเลยออกจากเมืองโคลินท์ และเร่ร่อนแสวงบุญไปทั่ว ระหว่างการเดินทาง ตัวเขาได้พบกับชายผู้กำลังเดินทางแสวงบุญคนหนึ่งบนท้องถนน ทั้งคู่มีปากเสียงกัน และต่อสู้กัน จนนักแสวงบุญคนนั้นตาย โดยอิดิปุสหารู้ไม่ว่าชายที่ตนฆ่านั้น คือราชาไลอัสแห่งธีบิส พ่อแท้ๆของเขานั่นเอง 

ตัวอิดิปุสไม่รู้ความจริงนั้น เขาได้แต่เดินทางไป จนมาถึงเมืองธีบิสบ้านเกิดของเขาเอง และได้พบเจอกับสัตว์ประหลาดที่เกิดจากไทฟอนและอิคิดน่า มันมีหัวเป็นคน ตัวเป็นสิงโต นามว่า สฟิงซ์ ( Sphinx ) 

ตัวอิดิปุสตัดสินใจจะเผชิญหน้ากับสฟิงซ์ แต่สฟิงซ์นั้นเป็นสัตว์ประหลาดรักสันติ มันชอบทดสอบนักเดินทางในการถามคำถามมากกว่าจะขย้ำฆ่าแบบไร้ศิลปะ แต่ถ้าใครตอบคำถามมันไม่ได้มันก็ฆ่าเหมือนกัน ดังนั้นเมื่ออิดิปุสมาถึง มันก็ท้าทายด้วยคำถามที่เป็นสุดอมตะว่า

“สัตว์อะไรเอ่ย ตอนเช้าตอนสี่ขา กลางวันเดินสองขา กลางคืนเดินสามขา”

อีดิปุสตอบ คำตอบที่แท้จริงของความนี้ก็คือมนุษย์ ตอนเด็กคลานสี่ขา ตอนเป็นผุ้ใหญ่เดินสองขา พอแก่มาต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันจึงเดินสามขา” สฟิงซ์ ร้องกริ๊ดลั่น เพราะไม่เชื่อว่ามันคนตอบคำถามของมันได้ สุดท้ายมันก็ตรองใจตายในที่สุด และเมื่อสฟิงค์ตาย ชาวเมืองเมืองธีบิสก็ยินดีปรีดา ประจวบที่ตำแหน่งกษัตริย์เมืองนี้ว่างพอดี พวกชาวเมืองเลยตั้งอิดิปุสเป็นกษัตริย์และได้แต่งงาน ราชินีหม้าย โจคาสตา……ซึ่งเธอเป็นแม่แท้ๆของตัวเขา…และอยู่ด้วยกันจนเวลาผ่านหลายปี

หลังจากที่ได้ทราบความจริงที่น่าตกใจแล้ว แม่ของอิดิปุสละอายต่อบาปนี้มากถึงขั้นฆ่าตัวตาย และอิดิปุสเองก็ทนต่อบาปนี้ไม่ได้เหมือนกันจึงตัดสินใจทำลายดวงตาทั้งสองของ ตัวเอง พร้อมกับสละตำแหน่งราชา และหายสาปสูญ ไม่มีใครพบตัวเขาอีกเลย

แต่ในเนื้อเรื่องของ Fullmetal Alchemist นั้นได้ผ่านจุดนั้นมาแล้ว เพราะภายหลังเมือเอ็ดทราบสาเหตุความขุ่นเคืองในตัวพ่อก็ลดน้อยลง (สาเหตุคือคนพ่อนั้นเป็นอีกคนที่ใช้ศิลาย้ายวิญญาณของตัวเองมาไปร่างคนอื่นตลอด จนกระทั่งได้พบกับแม่ของเอ็ดและอัล ซึ่งก็คือTrishaเขาจึงหยุดการย้าย วิญญาณ

เพื่อที่จะได้ตายในร่างที่ Trisha รัก หลังจากที่อัลเกิดได้ไม่นานร่างกายของเขาก็เริ่มเสื่อมลง เขาจึงออกจากบ้านไปโดยไม่ต้องการให้เอ็ดและอัลรู้ถึงความจริงข้อนี้ เอ็ดจึงเกลียดพ่อของเขามากเนื่องด้วยไม่รู้ความจริง)

บางคนอาจจะสงสัยกันว่าแท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่ โฮมุนครุส (Homunculus) บอกเลยว่ามาจากภาษาลาตินซึ่งมีความหมายว่า”คนตัวเล็ก” ถือเป็นสุดยอดวิชาเล่นแร่แปรธาตุพอๆ กับหินนักปราชญ์

ในเรื่องของขั้นตอนการสร้างงขึ้นมานั้น ไม่มีเปิดเผยออกมาเลย แต่หลายๆ แหล่งว่ากันว่า วิธีทำโฮมุนครุสจะต้องนำอสุจิของมนุษย์ สมุนไพรหลายชนิด และมูลม้า มาใส่รวมกันในหลอดทดลองทำจากปรอท สิ่งที่ต้องระมัดระวังที่สุดคือโดยต้องระวังไม่ให้อากาศเข้า 

และต้องรักษาอุณหภูมิให้มูลม้าเกิดการหมักตัว เมื่อผ่านไป 40 วัน จะเกิดเป็นรูปร่างคนตัวใสๆขึ้นในหลอดแก้ว และหลังจากนั้นเป็นเวลาอีก 40 วัน จะต้องให้เลือดคนทุกวันอย่าให้ขาด รวมทั้งรักษาอุณหภูมิให้เท่ากับในท้องม้า หากหยุดให้เลือด โฮมุงคูลูสก็จะตาย

และเมื่อโฮมุนครุส ได้ออกมาลืมตาดูโลกนั้น เรียกได้ว่าจะมีลักษณคล้ายกับมนุษย์ แต่ว่ามีขนานตัวที่เล็กกว่า ว่ากันว่ามันฉลาดกว่ามนุษย์ แต่ชีวิตของมันอยู่ได้เฉพาะในหลอดแก้วเท่านั้น แต่น่าเสียดายเรื่องโฮมุนครุสเป็นเรื่องจริงหรือ ไม่ก็ไม่มีใครทราบได้ และผู้ให้กำเนิดตัวมัน พาราเคลซุสก็เสียชีวิตไปพร้อมกับความลับนั้นในปี 1941

Last Update : 19 กรกฎาคม 2020 (ข้อมูลล่าสุดปี 2020)